1.โชว์ Background แบบเต็มๆด้วยการซ่อน Desktopเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDesktop ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
2.ซ่อนหน้า Background Setting เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispBackgroundPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
3.ซ่อนหน้า Appearance Settingเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispAppearancePage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
4.ซ่อนหน้า Display Settingเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispSettingsPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
5.ซ่อนหน้า Screensaver Settingเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispScrSavPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
6.ซ่อน Device Managerเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDevMgrPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
7.ซ่อน Drive ไม่ให้คนอื่นเห็นเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDrives ให้ Double Click ขึ้นมา เลือกใส่ค่าแบบ Decimal แล้วใส่ค่า Value Data เป็นค่าตัวเลขตาม Drive ที่ต้องการให้ซ่อนดังนี้หากต้องการซ่อนหลายไดรว์พร้อมกัน ก็นำค่าของแต่ละไดรว์มาบวกกัน เช่น ต้องการซ่อนไดรว์ A: D: และ F: ก็ใส่ค่าเท่ากับ 41 เป็นต้น หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก และ Restart เครื่อง
8.ซ่อนไอคอน Network Neighbourhoodเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoNetHood ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง7
9.กันไว้ไม่ให้ใครมาเพิ่ม Printerเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoAddPrinter ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
10.กันไว้ไม่ให้ใครมาลบ Printerเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDeletePrinter ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
สรุปที่เรียน bos ครับ
DOS (Disk Operating System) คืออะไรระบบปฏิบัติการในรูปแบบของตัวอักษร (Text Mode) ถึงแม้ว่าปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะใช้ Windows จะใช้ Windows (ระบบรูปภาพ หรือ Graphics Mode) แต่อย่างไรก็ตาม การเรียนการใช้งาน DOS ก็ยังถือว่ามีส่วนสำคัญไม่น้อย ตัวอย่างเช่น การติดตั้ง Windows การแบ่ง harddisk แต่ละ drive (Partition Harddisk) อาจจำเป็นต้องมีการ boot เข้าระบบดอสก่อน และเช่นเดียวกับบางบริษัทที่มีใช้งานในระบบเครือข่าย Novell Netware ก็ยังจำเป็นต้องทำงานใรระบบ DOS เช่นกันชื่อ DOS บางท่านอาจเคยเห็นชื่อที่เป็น MS-DOS นั่นหมายถึง Microsoft Disk Operating System (บริษัทไมโครซอร์ฟเป็นผู้ผลิต)ความยาวของชื่อ-นามสกุล ไฟล์ความแตกต่างที่เห็นในชัดของชื่อไฟล์ในระบบ DOS กับ Windows คือ ความยาวของชื่อไฟล์ Windows สามารถตั้งชื่อให้ยาวได้มากถึง 255 ตัวอักษร ส่วนในระบบ DOS ชื่อและนามสกุลของไฟล์จะถูกจำกัดได้เพียงชื่อยาวไม่เกิน 8 ตัวอักษร นามสกุลยาวไม่เกิน 3 ตัวอักษร ตัวอย่าง Readme.TXT (ชื่อไฟล์ Readme หลังจุดคือนามสกุล TXT)คำสั่งระบบ DOS พื้นฐานDIR (Directory) - คำสั่งในการแสดงรายชื่อไฟล์ รายชื่อไดเรกทอรี่ (Folder ใน windows ปัจจุบัน) ตัวอย่างการใช้งาน (รวมคำสั่งย่อย ๆ)Dir - แสดงรายชื่อไฟล์ ไดเรกทอรี่ทั้งหมด พร้อมทั้งขนาดไฟล์ + วันเวลาอัปเดทล่าสุด Dir /p - แสดงรายชื่อไฟล์ ไดเรกทอรี่ในแนวนอน ให้หยุดแสดงทีละหน้า (กรณีที่มีจำนวนไฟล์ยาวมากกว่า 1 หน้าจอ)Dir /w - แสดงรายชื่อไฟล์ ไดเรกทอรี่ในแนวนอน Dir /s, - แสดงรายชื่อไฟล์ ไดเรกทอรี่ และไฟล์ที่อยู่ในไดเรกทอรี่ย่อยด้วย Dir /od - แสดงรายชื่อไฟล์ ให้เรียงตามวันที่อัปเดท Dir /n - แสดงรายชื่อไฟล์ ให้เรียงตามชื่อCLS (Clear Screen) - คำสั่งสำหรับลบหน้าจอออกDEL (Delete) - คำสั่งในการลบชื่อไฟล์ที่ต้องการ เช่น DEL readme.txt หมายถึงให้ลบชื่อไฟล์ README.TXT ตัวอย่างการใช้งาน (รวมคำสั่งย่อย ๆ)Del readme.txt - ลบไฟล์ชื่อ readme.txt Del *.* - ให้ลบไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ในไดเรกทอรี่ปัจจุบัน Del *. - ให้ลบไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ในไดเรกทอรี่ปัจจุบัน เฉพาะไฟล์ที่ไม่มีนามสกุลMD (Make Directory) - คำสั่งในการสร้างไดเรกทอรี่ เช่น MD Photo จะได้ไดเรกทอรี่ C:PhotoCD (Change Directory) - คำสั่งในการเข้าไปในไดเรกทอรี่ (CD คือคำสั่งในการออกจากห้องไดเรกทอรี่)RD (Remove Directory) - คำสั่งในการลบไดเรกทอรี่ เช่น RD Photo (เราจะต้องอยู่นอกห้องไดเรอทอรี่ Photo)REN (Rename) - คำสั่งในการเปลี่ยนชื่อชือ เช่น REN readme.txt read.me หมายถึงการเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น READ.MEชนิดคำสั่ง DOSคำสั่งของ DOS มีอยู่ 2 ชนิดคือ 1. คำสั่งภายใน (Internal Command) เป็นคำสั่งที่เรียกใช้ได้ทันทีตลอดเวลาที่เครื่องเปิดใช้งานอยู่ เพราะคำสั่งประเภทนี้ถูกบรรจุลงในหน่วยความจำหลัก (ROM) ตลอดเวลา หลังจากที่ Boot DOS ส่วนมากจะเป็นคำสั่งที่ใช้อยู่เสมอ เช่น CLS, DIR, COPY, REN เป็นต้น 2. คำสั่งภายนอก (External Command) คำสั่งนี้จะถูกเก็บไว้ในดิสก์หรือแผ่น DOS คำสั่งเหล่านี้จะไม่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ เมื่อต้องการใช้คำสั่งเหล่านี้คอมพิวเตอร์จะเรียกคำสั่งเข้าสู๋หน่วยความจำ ถ้าแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ไม่มีคำสั่งที่ต้องการใช้อยู่ก็ไม่สามารถเรียกคำสั่งนั้น ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น คำสั่ง FORMAT, DISKCOPY, TREE, DELTREE เป็นต้นรูปแบบและการใช้คำสั่งต่างๆ ในการใช้คำสั่งต่าง ๆ ของ DOS จะมีการกำหนดอักษรหรือสัญญลักษณ์ ใช้แทนข้อความของรูปแบบคำสั่ง ดังนี้ [d:] หมายถึง Drive เช่น A:, B: [path] หมายถึง ชื่อไดเรคเตอรี่ย่อย [filename] หมายถึง ชื่อแฟ้มข้อมูล หรือ ชื่อไฟล์ [.ext] หมายถึง ส่วนขยาย หรือนามสกุล หมายเหตุ : ข้อความที่อยู่ในวงเล็บ ([ ] ) ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ในคำสั่งคำสั่ง dos1. DIR เป็นคำสั่งในการเรียกดูชื่อและรายละเอียดแฟ้มข้อมูล (file) ในแผ่นรูปแบบd: ระบุไดร์ฟของแผ่นfilename ชื่อแฟ้มข้อมูลที่ต้องการค้นหา.ext ส่วนขยายของชื่อแฟ้มข้อมูลที่ต้องการค้นหา/P แสดงทีละจอภาพ/W แสดงเฉพาะรายชื่อตัวอย่างคำสั่ง
DIRC:>DIRC:>DIR WINDOWSC:>DIR WINDOWS /PC:>DIR
WINDOWS /WC:>DIR D:C:>DIR WINDOWS*.EXEC:>DIR t*.???
2. PROMPT เป็นคำสั่งในการเปลี่ยนเครื่องหมายเตรียมพร้อม (DOS Prompt)
รูปแบบโดยใช้เครื่องหมาย $ นำหน้าอักษรต่อไปนี้ตัวอย่างคำสั่ง
PROMPTC:>PROMPT $n (แสดงไดร์ฟ)C:>PROMPT $g (แสดงเครื่องหมาย >)C:>PROMPT $d$q (แสดงวันที่และตามด้วยเครื่องหมาย = )
C:>PROMPT $p$g (แสดงชื่อpathและตามด้วยเครื่องหมาย > )โครงสร้างต้นไม้ (tree structure)
3. MD หรือ MKDIRเป็นคำสั่งในการสร้างไดเรคทอรี เป็นคำย่อมาจาก MaKe DIRectoryรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>MD SUB1D:>MD SUB2D:>MD SUB1SUB11
4. CDเป็นคำสั่งในการย้ายการทำงานเข้าสู่ไดเรคทอรี เป็นคำย่อมาจาก Change Directoryรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>CD SUB1D: SUB1>CD SUB11CD.. เป็นย้ายออกจากไดเรคทอรีปัจจุบัน 1 ขั้นD:>CD SUB1SUB11 CD ย้ายกลับมาที่ root directory
5. RDเป็นคำสั่งในการลบไดเรคทอรี ย่อมาจาก ReMove DIRectoryรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>RD SUB2
6. TREEเป็นคำสั่งในการขอดูโครงสร้างไดเรคทอรีรูปแบบ/F แสดงชื่อไฟล์ด้วยตัวอย่างเช่นD:>TREE /FD:>TREE SUB1
7. COPY CONเป็นคำสั่งในการสร้างแฟ้มข้อมูล (โดยรับข้อมูลจากคีย์บอร์ด แล้วจบด้วย Ctrl+Z ตามด้วย Enter)รูปแบบตัวอย่างเช่นD:>COPY CON SUB1test1.txtพิมพ์ This is test
8. COPYเป็นคำสั่งในการสำเนาแฟ้มข้อมูลรูปแบบตัวอย่างคำสั่งCOPY D:>COPY SUB1test1.txt C:exam1.txtสั่ง D:>DIR C:exam1.txtD:>COPY C:exam1.txt C:exam2.txtสั่ง D:>DIR C:D:>COPY C:ex???.txt D:SUB1SUB11สั่ง D:>DIR SUB1SUB11
9. RENเป็นคำสั่งในการเปลี่ยนชื่อแฟ้มข้อมูล (ไฟล์ยังคงเก็บอยู่ที่เดิม)รูปแบบตัวอย่างเช่นD:>REN SUB1test1.txt new.txtสั่ง D:>DIR SUB1D:>REN SUB1SUB11*.txt *.batสั่ง D:>DIR SUB1SUB11
10. DELเป็นคำสั่งในการลบแฟ้มข้อมูล DELย่อมาจาก DELeteรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>DEL C:exam1.txtสั่ง D:>DIR C:D:>DEL SUB1SUB11?????.batสั่ง D:>DIR SUB1SUB11
11. TYPEเป็นคำสั่งในการขอดูข้อมูลในไฟล์รูปแบบตัวอย่างเช่นD:>TYPE SUB1new.txt
12. DATEเป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขวันที่ ตามรูปแบบ mm-dd-yy
13. TIMEเป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขเวลา ตามรูปแบบ hh-mm[:ss[.xx]]
14. VERเป็นคำสั่งในการขอดูเวอร์ชันของ DOS ที่ใช้
15. VOL เป็นคำสั่งในการขอดูชื่อแผ่น (volume label) และหมายเลขประจำแผ่นข้อมูล (serial number)
16. LABELเป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขชื่อแผ่นรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>LABEL พิมพ์ diligenceเขียนโดย peak
ที่ 10:41 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น วันเสาร์, พฤศจิกายน 1, 2008
Shortcut Key
แนะนำคีย์ลัดคีย์ด่วน (Shortcut Key) ของ Windows ช่วยเราได้มาก เคยใช้กันมั๊ยเอ่ย ???
CTRL+A ไฮไลต์ไฟล์ หรือข้อความทั้งหมด
CTRL+C ก๊อปปี้ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+X ตัด (cut) ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+V วาง (paste) ไฟล์ หรือข้อความที่ก๊อปปี้ไว้
CTRL+Z ยกเลิกการกระทำที่ผ่านมาล่าสุด
ปุ่ม Windows ถ้าใช้เดี่ยว ๆ จะเป็นการแสดง Start Menu
ปุ่ม Windows + D ย่อหน้าต่างที่เปิดอยู่ทั้งหมด
ปุ่ม Windows + E เปิด windows explorer
ปุ่ม Windows + F เปิด Search for files
ปุ่ม Windows + Ctrl+F เปิด Search for Computer
ปุ่ม Windows + F1 เปิด Help and Support Center
ปุ่ม Windows + R เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ RUN
ปุ่ม Windows + break เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ System Propertiesปุ่ม
Windows +shift + M เรียกคืนหน้าต่างที่ถูกย่อลงไปทั้งหมดปุ่ม
Windows + tab สลับไปยังปุ่มต่าง ๆ บน Taskbarปุ่ม
Windows + U เปิด Utility Manager
DIRC:>DIRC:>DIR WINDOWSC:>DIR WINDOWS /PC:>DIR
WINDOWS /WC:>DIR D:C:>DIR WINDOWS*.EXEC:>DIR t*.???
2. PROMPT เป็นคำสั่งในการเปลี่ยนเครื่องหมายเตรียมพร้อม (DOS Prompt)
รูปแบบโดยใช้เครื่องหมาย $ นำหน้าอักษรต่อไปนี้ตัวอย่างคำสั่ง
PROMPTC:>PROMPT $n (แสดงไดร์ฟ)C:>PROMPT $g (แสดงเครื่องหมาย >)C:>PROMPT $d$q (แสดงวันที่และตามด้วยเครื่องหมาย = )
C:>PROMPT $p$g (แสดงชื่อpathและตามด้วยเครื่องหมาย > )โครงสร้างต้นไม้ (tree structure)
3. MD หรือ MKDIRเป็นคำสั่งในการสร้างไดเรคทอรี เป็นคำย่อมาจาก MaKe DIRectoryรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>MD SUB1D:>MD SUB2D:>MD SUB1SUB11
4. CDเป็นคำสั่งในการย้ายการทำงานเข้าสู่ไดเรคทอรี เป็นคำย่อมาจาก Change Directoryรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>CD SUB1D: SUB1>CD SUB11CD.. เป็นย้ายออกจากไดเรคทอรีปัจจุบัน 1 ขั้นD:>CD SUB1SUB11 CD ย้ายกลับมาที่ root directory
5. RDเป็นคำสั่งในการลบไดเรคทอรี ย่อมาจาก ReMove DIRectoryรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>RD SUB2
6. TREEเป็นคำสั่งในการขอดูโครงสร้างไดเรคทอรีรูปแบบ/F แสดงชื่อไฟล์ด้วยตัวอย่างเช่นD:>TREE /FD:>TREE SUB1
7. COPY CONเป็นคำสั่งในการสร้างแฟ้มข้อมูล (โดยรับข้อมูลจากคีย์บอร์ด แล้วจบด้วย Ctrl+Z ตามด้วย Enter)รูปแบบตัวอย่างเช่นD:>COPY CON SUB1test1.txtพิมพ์ This is test
8. COPYเป็นคำสั่งในการสำเนาแฟ้มข้อมูลรูปแบบตัวอย่างคำสั่งCOPY D:>COPY SUB1test1.txt C:exam1.txtสั่ง D:>DIR C:exam1.txtD:>COPY C:exam1.txt C:exam2.txtสั่ง D:>DIR C:D:>COPY C:ex???.txt D:SUB1SUB11สั่ง D:>DIR SUB1SUB11
9. RENเป็นคำสั่งในการเปลี่ยนชื่อแฟ้มข้อมูล (ไฟล์ยังคงเก็บอยู่ที่เดิม)รูปแบบตัวอย่างเช่นD:>REN SUB1test1.txt new.txtสั่ง D:>DIR SUB1D:>REN SUB1SUB11*.txt *.batสั่ง D:>DIR SUB1SUB11
10. DELเป็นคำสั่งในการลบแฟ้มข้อมูล DELย่อมาจาก DELeteรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>DEL C:exam1.txtสั่ง D:>DIR C:D:>DEL SUB1SUB11?????.batสั่ง D:>DIR SUB1SUB11
11. TYPEเป็นคำสั่งในการขอดูข้อมูลในไฟล์รูปแบบตัวอย่างเช่นD:>TYPE SUB1new.txt
12. DATEเป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขวันที่ ตามรูปแบบ mm-dd-yy
13. TIMEเป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขเวลา ตามรูปแบบ hh-mm[:ss[.xx]]
14. VERเป็นคำสั่งในการขอดูเวอร์ชันของ DOS ที่ใช้
15. VOL เป็นคำสั่งในการขอดูชื่อแผ่น (volume label) และหมายเลขประจำแผ่นข้อมูล (serial number)
16. LABELเป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขชื่อแผ่นรูปแบบตัวอย่างเช่นD:>LABEL พิมพ์ diligenceเขียนโดย peak
ที่ 10:41 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น วันเสาร์, พฤศจิกายน 1, 2008
Shortcut Key
แนะนำคีย์ลัดคีย์ด่วน (Shortcut Key) ของ Windows ช่วยเราได้มาก เคยใช้กันมั๊ยเอ่ย ???
CTRL+A ไฮไลต์ไฟล์ หรือข้อความทั้งหมด
CTRL+C ก๊อปปี้ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+X ตัด (cut) ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+V วาง (paste) ไฟล์ หรือข้อความที่ก๊อปปี้ไว้
CTRL+Z ยกเลิกการกระทำที่ผ่านมาล่าสุด
ปุ่ม Windows ถ้าใช้เดี่ยว ๆ จะเป็นการแสดง Start Menu
ปุ่ม Windows + D ย่อหน้าต่างที่เปิดอยู่ทั้งหมด
ปุ่ม Windows + E เปิด windows explorer
ปุ่ม Windows + F เปิด Search for files
ปุ่ม Windows + Ctrl+F เปิด Search for Computer
ปุ่ม Windows + F1 เปิด Help and Support Center
ปุ่ม Windows + R เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ RUN
ปุ่ม Windows + break เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ System Propertiesปุ่ม
Windows +shift + M เรียกคืนหน้าต่างที่ถูกย่อลงไปทั้งหมดปุ่ม
Windows + tab สลับไปยังปุ่มต่าง ๆ บน Taskbarปุ่ม
Windows + U เปิด Utility Manager
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
จักรพงศ์ ศรีละพันธ์ รหัส 5112252106 วิทย์คอม
โดย :jakkpong
แนะนำคีย์ลัดคีย์ด่วน (Shortcut Key) ของ Windows ช่วยเราได้มาก เคยใช้กันมั๊ยเอ่ย ???
CTRL+A ไฮไลต์ไฟล์ หรือข้อความทั้งหมด
CTRL+C ก๊อปปี้ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+X ตัด (cut) ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+V วาง (paste) ไฟล์ หรือข้อความที่ก๊อปปี้ไว้
CTRL+Z ยกเลิกการกระทำที่ผ่านมาล่าสุด
ปุ่ม Windows ถ้าใช้เดี่ยว ๆ จะเป็นการแสดง Start Menu
ปุ่ม Windows + D ย่อหน้าต่างที่เปิดอยู่ทั้งหมด
ปุ่ม Windows + E เปิด windows explorer
ปุ่ม Windows + F เปิด Search for files
ปุ่ม Windows + Ctrl+F เปิด Search for Computer
ปุ่ม Windows + F1 เปิด Help and Support Center
ปุ่ม Windows + R เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ RUN
ปุ่ม Windows + break เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ System Properties
ปุ่ม Windows +shift + M เรียกคืนหน้าต่างที่ถูกย่อลงไปทั้งหมด
ปุ่ม Windows + tab สลับไปยังปุ่มต่าง ๆ บน Taskbar
ปุ่ม Windows + U เปิด Utility Manager
โดย :jakkpong
alt+Tab เพื่อเปลี่ยนหน้าต่างที่เปิดอยู่ ณ ขณะนั้น
Key Windows + R เพื่อที่ Run โปรแกรม
โดย :jakkpong
ปุ่ม Windows +E เปิด windows Explorer
ปุ่ม Windows +M ย่อขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop
ปุ่ม Windows +Shift+M ทำให้หน้าต่างที่ย่อกลับสู่สภาพเดิม
ปุ่ม Windows +D ย่อ/ยกเลิก ขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop
ALT+Print Screen ใช้copy หน้าต่างที่เปิดล่าสุด ไปไว้ที่คลิปบอร์ด แล้วนำไปpaste ในที่ต่างๆได้
ปุ่ม Windows +F ค้นหาfile ใน Hardisk
ปุ่ม Ctrl+C Copy ได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อความ file ...
ปุ่ม Ctrl+V Paste ได้ทุกอย่าง
ปุ่ม Ctrl+X Cut ได้ทุกอย่าง
ปุ่ม Ctrl+Q ใช้ออกจากโปรแกรมใดๆ ก็ได้
ปุ่ม Alt+F ใช้เปิด file ในโปรแกรมต่างๆ
ปุ่ม Atl+TAB เลือกหน้าต่างอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้mouse
ปุ่ม Delete ใช้ลบสิ่งต่างๆ file ข้อความ
ปุ่ม Alt+Esc ใช้เลือกหน้าต่างที่เปิดไว้มากๆโดยวนไปรอบๆ
ปุ่ม Alt+F4 ปิดโปรแกรม / ปิด windows(shut down)
ปุ่ม shift + ลูกศร หรือ เมาส์ เป็นการเลือก(select) เพิ่มจากเดิม
ปุ่ม Ctrl + คลิ๊กเมาส์ เป็นการเลือก(select)file มากว่า1 โดยกดctrl ค้างไว้
ปุ่ม shift + shut down ( alt+F4) restart windows(ให้กดshiftค้างไว้)
ปุ่ม shift ค้างไว้ขณะใส่แผ่น Cd ยกเลิก autorun.
โดย :jakkpong
แถมฟังก์ชั่น
ปุ่ม “F” ต่างๆ ที่คุณพูดถึงมีชื่อเรียกว่า ปุ่มฟังก์ชัน (Function Keys) ซึ่งในอดีตโปรแกรมต่างๆ บนระบบปฏิบัติการ DOS จะใช้ปุ่มพวกนี้เป็นทางลัดในการเรียกฟังก์ชันการทำงานต่างๆ มากมาย แตกต่างกันไปตามลักษณะของโปรแกรม พวกมันช่วยให้การใช้งานโปรแกรมสะดวกรวดเร็วมาก ซึ่งในอดีตเรายังไม่มีเมาส์ให้ใช้กันอย่างทุกวันนี้ ทุกอย่างจึงต้องพึ่งคีย์บอร์ด จะว่าไปแล้ว ปุ่มฟังก์ชันก็เปรียบเสมือนทางลัดในการเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ได้โดยตรง แทนที่จะต้องกดหลายๆ ปุ่ม เพียงเพื่อเข้าถึงฟังก์ชันใดฟังก์ชันหนึ่งของโปรแกรมนั่นเอง
มีหลายโปรแกรมอยู่เหมือนกันที่ยังคงใช้ปุ่มฟังก์ชันเหล่านี้ แต่ที่ใช้เหมือนกัน และพบเห็นบ่อยๆ ก็เช่น F1 สำหรับเรียก ส่วนช่วยเหลือ (Help) ในส่วนของการ Setup ก็ยังคงมีการใช้ฟังก์ชันคีย์พวกนี้ ในกรณีที่เมาส์ไม่ทำงาน สำหรับในกรณีของ Microsoft Word ที่คุณพูดถึงนั้น คุณสามารถใช้ปุ่มฟังก์ชันได้ทุกปุ่ม เพื่อการใช้งานคำสั่งพื้นฐานต่างๆ ซึ่งมีดังนี้
F1 - เรียก Help หรือ Office Assistant
F2 - ย้ายข้อความ หรือกราฟิกต่างๆ
F3 - แทรกข้อความอัตโนมัติ (AutoText)
F4 - ทำซ้ำสำหรับแอคชั่นการทำงานล่าสุดของผู้ใช้
F5 - เลือกคำสั่ง Go To (เมนู Edit)
F6 - กระโดดไปยังกรอบหน้าต่างถัดไป
F7 - เลือกคำสั่งตรวจสอบคำสะกด (Spelling ในเมนู Tools)
F8 - ขยายไฮไลต์ของการเลือกข้อความ
F9 - อัพเดตฟิลด์ต่างๆ ที่เลือก
F10 - กระโดดไปเมนูบาร์
F11 - กระโดดไปยังฟิลด์ถัดไป
F12 - เลือกคำสั่ง Save As (เมนู File)
Symbol
~ tilde
` grave accent
! exclamation point
@ at sign
# number sign
$ dollar sign
% percent
^ caret 2^3=8
& ampersand
* asterisk 2*3=6
( ) parentheses
_ underscore
+ plus sign 2+3=5
= equal sign
{ } braces
[ ] brackets
vertical bar
\ backslash
: colon
; semicolon
" “ ” quotation mark
' apostrophe
< > angle brackets
, comma
. period
? question mark
/ slash mark
แนะนำคีย์ลัดคีย์ด่วน (Shortcut Key) ของ Windows ช่วยเราได้มาก เคยใช้กันมั๊ยเอ่ย ???
CTRL+A ไฮไลต์ไฟล์ หรือข้อความทั้งหมด
CTRL+C ก๊อปปี้ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+X ตัด (cut) ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+V วาง (paste) ไฟล์ หรือข้อความที่ก๊อปปี้ไว้
CTRL+Z ยกเลิกการกระทำที่ผ่านมาล่าสุด
ปุ่ม Windows ถ้าใช้เดี่ยว ๆ จะเป็นการแสดง Start Menu
ปุ่ม Windows + D ย่อหน้าต่างที่เปิดอยู่ทั้งหมด
ปุ่ม Windows + E เปิด windows explorer
ปุ่ม Windows + F เปิด Search for files
ปุ่ม Windows + Ctrl+F เปิด Search for Computer
ปุ่ม Windows + F1 เปิด Help and Support Center
ปุ่ม Windows + R เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ RUN
ปุ่ม Windows + break เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ System Properties
ปุ่ม Windows +shift + M เรียกคืนหน้าต่างที่ถูกย่อลงไปทั้งหมด
ปุ่ม Windows + tab สลับไปยังปุ่มต่าง ๆ บน Taskbar
ปุ่ม Windows + U เปิด Utility Manager
โดย :jakkpong
alt+Tab เพื่อเปลี่ยนหน้าต่างที่เปิดอยู่ ณ ขณะนั้น
Key Windows + R เพื่อที่ Run โปรแกรม
โดย :jakkpong
ปุ่ม Windows +E เปิด windows Explorer
ปุ่ม Windows +M ย่อขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop
ปุ่ม Windows +Shift+M ทำให้หน้าต่างที่ย่อกลับสู่สภาพเดิม
ปุ่ม Windows +D ย่อ/ยกเลิก ขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop
ALT+Print Screen ใช้copy หน้าต่างที่เปิดล่าสุด ไปไว้ที่คลิปบอร์ด แล้วนำไปpaste ในที่ต่างๆได้
ปุ่ม Windows +F ค้นหาfile ใน Hardisk
ปุ่ม Ctrl+C Copy ได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อความ file ...
ปุ่ม Ctrl+V Paste ได้ทุกอย่าง
ปุ่ม Ctrl+X Cut ได้ทุกอย่าง
ปุ่ม Ctrl+Q ใช้ออกจากโปรแกรมใดๆ ก็ได้
ปุ่ม Alt+F ใช้เปิด file ในโปรแกรมต่างๆ
ปุ่ม Atl+TAB เลือกหน้าต่างอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้mouse
ปุ่ม Delete ใช้ลบสิ่งต่างๆ file ข้อความ
ปุ่ม Alt+Esc ใช้เลือกหน้าต่างที่เปิดไว้มากๆโดยวนไปรอบๆ
ปุ่ม Alt+F4 ปิดโปรแกรม / ปิด windows(shut down)
ปุ่ม shift + ลูกศร หรือ เมาส์ เป็นการเลือก(select) เพิ่มจากเดิม
ปุ่ม Ctrl + คลิ๊กเมาส์ เป็นการเลือก(select)file มากว่า1 โดยกดctrl ค้างไว้
ปุ่ม shift + shut down ( alt+F4) restart windows(ให้กดshiftค้างไว้)
ปุ่ม shift ค้างไว้ขณะใส่แผ่น Cd ยกเลิก autorun.
โดย :jakkpong
แถมฟังก์ชั่น
ปุ่ม “F” ต่างๆ ที่คุณพูดถึงมีชื่อเรียกว่า ปุ่มฟังก์ชัน (Function Keys) ซึ่งในอดีตโปรแกรมต่างๆ บนระบบปฏิบัติการ DOS จะใช้ปุ่มพวกนี้เป็นทางลัดในการเรียกฟังก์ชันการทำงานต่างๆ มากมาย แตกต่างกันไปตามลักษณะของโปรแกรม พวกมันช่วยให้การใช้งานโปรแกรมสะดวกรวดเร็วมาก ซึ่งในอดีตเรายังไม่มีเมาส์ให้ใช้กันอย่างทุกวันนี้ ทุกอย่างจึงต้องพึ่งคีย์บอร์ด จะว่าไปแล้ว ปุ่มฟังก์ชันก็เปรียบเสมือนทางลัดในการเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ได้โดยตรง แทนที่จะต้องกดหลายๆ ปุ่ม เพียงเพื่อเข้าถึงฟังก์ชันใดฟังก์ชันหนึ่งของโปรแกรมนั่นเอง
มีหลายโปรแกรมอยู่เหมือนกันที่ยังคงใช้ปุ่มฟังก์ชันเหล่านี้ แต่ที่ใช้เหมือนกัน และพบเห็นบ่อยๆ ก็เช่น F1 สำหรับเรียก ส่วนช่วยเหลือ (Help) ในส่วนของการ Setup ก็ยังคงมีการใช้ฟังก์ชันคีย์พวกนี้ ในกรณีที่เมาส์ไม่ทำงาน สำหรับในกรณีของ Microsoft Word ที่คุณพูดถึงนั้น คุณสามารถใช้ปุ่มฟังก์ชันได้ทุกปุ่ม เพื่อการใช้งานคำสั่งพื้นฐานต่างๆ ซึ่งมีดังนี้
F1 - เรียก Help หรือ Office Assistant
F2 - ย้ายข้อความ หรือกราฟิกต่างๆ
F3 - แทรกข้อความอัตโนมัติ (AutoText)
F4 - ทำซ้ำสำหรับแอคชั่นการทำงานล่าสุดของผู้ใช้
F5 - เลือกคำสั่ง Go To (เมนู Edit)
F6 - กระโดดไปยังกรอบหน้าต่างถัดไป
F7 - เลือกคำสั่งตรวจสอบคำสะกด (Spelling ในเมนู Tools)
F8 - ขยายไฮไลต์ของการเลือกข้อความ
F9 - อัพเดตฟิลด์ต่างๆ ที่เลือก
F10 - กระโดดไปเมนูบาร์
F11 - กระโดดไปยังฟิลด์ถัดไป
F12 - เลือกคำสั่ง Save As (เมนู File)
Symbol
~ tilde
` grave accent
! exclamation point
@ at sign
# number sign
$ dollar sign
% percent
^ caret 2^3=8
& ampersand
* asterisk 2*3=6
( ) parentheses
_ underscore
+ plus sign 2+3=5
= equal sign
{ } braces
[ ] brackets
vertical bar
\ backslash
: colon
; semicolon
" “ ” quotation mark
' apostrophe
< > angle brackets
, comma
. period
? question mark
/ slash mark
วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551
แนะนำตัวเอง
ชื่อ จักรพงศ์ ศรีละพันธ์
ชื่อเล่น โอม รหัส 511252106
เบอร์โทร 0874514739
เพื่อนสนิท
1. นายอภิวัฒน์ วุฒิยา ชื่อเล่น เอ้
รหัส 511252147 เบอร์โทร 0856121211
2. นายกิตติไชย ไชยศร ชื่อเล่น ต้อง
รหัส 511252108 เบอร์โทร 0856106101
เรื่อง ASCII
ชื่อ jakkpong
นามสกุล srirapan
A=41 01000001 R=52 01010010
K=4B 01001011 I=49 01001001
K=4B 01001011 R=52 01010010
P=50 01010000 A=41 01000001
0=4F 01001111 P=50 01010000
N=4E 01001110 A=41 01000001
G=47 01000111 N=4E 01001110
A=41 01000001
B=42 01000010
C=43 01000011
D=44 01000100
E=45 01000101
F=46 01000110
G=47 01000111
H=48 01001001
I=49 01001001
J=4A 01001010
K=4B 01001011
L =4C 01001100
M=4D 01001101
N=4E 01001110
O=4F 01001111
P= 50 01010000
Q=51 01010001
R=52 01010010
S=53 01010011
T=54 01010111
U=55 01010101
V=56 01010110
W=57 01010111
X=58 01011000
Y=59 01011001
Z=5A 01011010
a=61 011100001
b=62 0110001
c=63 01100011
d=64 01100100
e=65 01100101
f=66 01100110
g=67 01100111
h=68 01101000
i=69 01101001
j=6a 01101010
k=6b 0110101
l=6c 01101100
m=6d 01101101
n=6e 01101110
o=6f 01101111
p=70 01110000
q=71 01110001
r=72 01110010
s=73 01110011
t=74 01110100
u=75 01110101
v=76 01110110
w=77 01110111
x=78 01110000
y=79 01111001
z=7a 01111010
0=90-10010000
1=91-10010001
2=92-10010010
3=93-10010011
4=94-10010100
5=95-10010101
6=96-10010110
7=97-10010111
8=98-10011000
9=99-10011001
ชื่อเล่น โอม รหัส 511252106
เบอร์โทร 0874514739
เพื่อนสนิท
1. นายอภิวัฒน์ วุฒิยา ชื่อเล่น เอ้
รหัส 511252147 เบอร์โทร 0856121211
2. นายกิตติไชย ไชยศร ชื่อเล่น ต้อง
รหัส 511252108 เบอร์โทร 0856106101
เรื่อง ASCII
ชื่อ jakkpong
นามสกุล srirapan
J=4A 01001010 S=53 01010011
A=41 01000001 R=52 01010010
K=4B 01001011 I=49 01001001
K=4B 01001011 R=52 01010010
P=50 01010000 A=41 01000001
0=4F 01001111 P=50 01010000
N=4E 01001110 A=41 01000001
G=47 01000111 N=4E 01001110
A=41 01000001
B=42 01000010
C=43 01000011
D=44 01000100
E=45 01000101
F=46 01000110
G=47 01000111
H=48 01001001
I=49 01001001
J=4A 01001010
K=4B 01001011
L =4C 01001100
M=4D 01001101
N=4E 01001110
O=4F 01001111
P= 50 01010000
Q=51 01010001
R=52 01010010
S=53 01010011
T=54 01010111
U=55 01010101
V=56 01010110
W=57 01010111
X=58 01011000
Y=59 01011001
Z=5A 01011010
a=61 011100001
b=62 0110001
c=63 01100011
d=64 01100100
e=65 01100101
f=66 01100110
g=67 01100111
h=68 01101000
i=69 01101001
j=6a 01101010
k=6b 0110101
l=6c 01101100
m=6d 01101101
n=6e 01101110
o=6f 01101111
p=70 01110000
q=71 01110001
r=72 01110010
s=73 01110011
t=74 01110100
u=75 01110101
v=76 01110110
w=77 01110111
x=78 01110000
y=79 01111001
z=7a 01111010
0=90-10010000
1=91-10010001
2=92-10010010
3=93-10010011
4=94-10010100
5=95-10010101
6=96-10010110
7=97-10010111
8=98-10011000
9=99-10011001
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)